น้ำจิ้มสุกี้สูตรมาม่า

หมักหมูก่อน หมักหมูกับผงฟูที่ทำขนมเค้กใส่น้ำตาล เกลือ หมักสักครึ่งวัน   ก่อนใช้ค่อยล้างแป้งออก
 
 
น้ำจิ้มสุกี้
 
พริกขี้หนู  7-8 อัน  กระเทียมสด 4 กลีบ  ตำให้เข้ากัน
ใส่กระเทียมดองอีก 7 กลีบ  เต้าหู้หยี่สีแดง 1ก้อน ตำให้เข้ากัน
แล้ว เอามาคั่วในกระทะ เติมน้ำลงไปหน่อย เปิดไฟช้าๆ คั่วให้เข้ากัน แล้ว เทออกมา ใส่น้ำมันงา ผักชีโรยหน้า
 
ทำเสร็จบอกด้วย จะตามไปชิม

โพสท์ใน Uncategorized | ใส่ความเห็น

พรปีใหม่จากหลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี

คาถาป้องกันความโกรธ

ใจเอ๋ยใจ ทำไมเจ้าจึงโกรธ
ให้เป็นโทษ เป็นทุกข์ ไม่สุกใส
โกรธ โกรธ เขา แล้วเราจะได้อะไร
มีแต่ไฟไหม้อก นรกทั้งเป็น

คาถาแก้ความเสียใจ

เสียอะไรก็เสียไป อย่าเสียใจจะเป็นทุกข์
จงปลุกจิตสำนึก สร้างความรู้สึกเสียใหม่
เมื่อมีเกิด ก็ต้องมีแก่ มีเจ็บตาย
มีพบก็ต้องมีการพลัดพราก
มีหวังก็ต้องมีผิดหวัง เป็นดั่งนี้ธรรมดาของทุกๆชีวิต

คาถาแก้เสียใจ

ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา
เราก็ไม่ใช่ ของเราก็ไม่ใช่
เราก็ไม่มี ของของเราก็ไม่มี

คาถาคลายเครียด

ถ้าปล่อยให้ความคิดแล่นไปอย่าง ไม่หยุดยั้ง
ท่านจะเกิดความฟุ้งซ่าน แล้วก็จะเครียด
วิธีแก้ไขคือ ตั้งสติให้ดี หายใจเข้า หายใจออก ยาวๆ ลึก
หายใจเข้า..ว่าสุข หายใจออก..ว่าสบาย
หรือหายเข้า…ว่าปล่อย หายใจออก..ว่าวาง
มีสติความรู้กายใจตนเอง ทำเช่นนี้ไปสักพักก็จะคลายเครียด

คาถาป้องกันเป็นบ้า
มัวแต่เศร้าโศกเสียใจ อยู่กับเรื่องที่ผ่านไปแล้ว
มัวพะวงอยู่กับเรื่องที่ยังไม่ เกิดอยู่เป็นนิจ
นั่นคือการเดินสู่ประตูของผู้ เป็นบ้า
จงระลึกรู้สึกตัวทั่วพร้อม รู้กายรู้ใจเป็นปัจจุบัน
สอนใจตนเองให้ยอมรับความจริง ว่าทุกสิ่งก็แค่นั้นเอง
มีความเปลี่ยนแปลงเป็นธรรมดา ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของเรา อย่างแท้จริง
ชีวิตชั่วแปล๊บๆ ประเดี๋ยวเราก็แก่ เจ็บ ตาย แล้ว
จะเอาอะไรนักหนา สิ่งที่มีคุณค่าและเป็นที่พึ่งแท้จริงคืออะไร

จงท่องคาถากันความเป็น บ้า
อะไรจะเกิด ก็ต้องเกิด
อะไรจะดับ ก็ต้องดับ
บังคับไม่ได้ เป็นเช่นนั้นเอง
ตั้งใจอธิฐานจิต
* เราจะละความชั่ว เราจะตั้งตัวไว้โดยชอบ
เราจะประกอบกรรมดี เราจะทำชีวิตนี้ให้มีสาระ
เราจะสละความเห็นแก่ตัว เราจะไม่เกลือกกลัวอบายมุข
เราจะมีความสุขจากการให้ เราจะไม่มั่วกาม
เราจะไม่ทำตามความผิด เราจะรักษาจิตให้บริสุทธิ์
เราจะหยุดความอยาก เราจะมากด้วยความเพียร
* อาศัยความเป็นมนุษย์ เพื่อทำที่สุดแห่งทุกข์
อาศัยความเป็นคน เพื่อฝึกฝนตนเอง
อาศัยความเกิด เพื่อมาแก้กิเลส
อาศัยความแก่ เพื่อเห็นความจริงแท้ของสังขาร
อาศัยความเจ็บป่วย เพื่อช่วยให้ไม่ประมาท
อาศัยความตาย เพื่อสลายตัวตน
อาศัยความเป็นคน เพื่อค้นหาสัจจธรรม
อาศัยประสบการณ์ร้าย เพื่อกลับกลายเป็นการณ์ดี
อาศัยความพลัดพราก เพื่อให้ความอยากหยุดพอ
อาศัยความสูญเสีย เพื่อเสริมความสร้างสรรค์
อาศัยความผิดหวัง เพื่อให้อนิจจังประจักษ์แจ้ง
อาศัยความกลัว เพื่อให้เกิดความกล้า
อาศัยปัญหา เพื่อให้ปัญญาบรรเจิด
อาศัยอุปสรรค เพื่อให้เป็นนักต่อสู้
อาศัยศัตรู เพื่อเป็นอยู่อย่างเข้มแข็ง
อาศัยความผิดพลาด เพื่อมีโอกาสปรับปรุง
อาศัยความล้มเหลว เพื่อหล่อหลอมความมั่นคง
อาศัยความจน เพื่อสร้างคนขยัน
อาศัยการถูกเย้ยหยัน เพื่อสร้างฝันให้เป็นจริง
* อาศัยความผิดพลาด เพื่อฉลาดในกลวิธี
อาศัยความไม่มี เพื่อมากด้วยมักน้อย
อาศัยปมด้อย เพื่อสร้างช้อยส์จุดเด่น
อาศัยความขัดสน เพื่อค้นเจอความพอเพียง
อาศัยความไม่งาม เพื่อให้กามสงบ
อาศัยความไม่สะอาด เพื่อเก็บกวาดกิเลส
อาศัยความลำบาก เพื่อให้มากด้วยความเพียร
อาศัยความยาก เพื่อให้มากด้วยความสามารถ
* อาศัยการพ้นตำแหน่ง เพื่อไม่ต้องแข่งกับใคร
อาศัยการสิ้นอำนาจ เพื่อเป็นปราชญ์ที่แท้จริง
อาศัยหนี้สิน เพื่อให้ดิ้นสุดฤทธิ์
อาศัยรถติด เพื่อหยุดคิดทะเยอทะยาน
อาศัยความทุกข์ เพื่อเห็นโทษของขันธ์
อาศัยความทุกข์ เพื่อให้เข้าถึงธรรม
อาศัยความทุกข์ เพื่อความสุขอันไพบูลย์
อาศัยความทุกข์ครั้งใหญ่ เพื่อเห็นภัยในวัฏฏสงสาร
* ขอบคุณความลำบาก ที่ทำให้มากด้วยความอดทน
ขอบคุณความขัดสน ที่ทำให้เป็นคนเข้มแข็ง
ของบคุณความยุ่งยาก ที่ทำให้มากด้วยความสามารถ
ขอบคุณอุปสรรค ที่ทำให้รู้จักการต่อสู้
ขอบคุณศัตรู ที่ทำให้เป็นอยู่อย่างไม่ประมาท
ขอบคุณความทุกข์ ที่ทำให้เป็นธรรม
ขอบคุณการถูกทอดทิ้ง ให้เห็นความจริงเป็นเช่นนั้นเอง

* เป็นผู้ยอม แต่ไม่แย่
เป็นผู้แพ้ แต่ไม่อาภัพ
ไม่วู่วาม แม้ในยามว้าวุ่น
ไม่หวังลาภลอย ไม่คอยใครประเคน
* ทำดีเป็นพร อ้อนวอนเป็นพาล
ฤกษ์ดียามดี สู้ทำดีไม่ได้
ฤกษ์ร้ายยามร้าย ยังไม่ฉิบหายเท่าทำชั่ว
เมตตาเป็นเสน่ห์ เจ้าเล่ห์เป็นเสนียด
อดีตที่ผิดพลาด สร้างนักปราชญ์ในปัจจุบัน

 

โพสท์ใน Uncategorized | ใส่ความเห็น

Hello world!

Welcome to WordPress.com. This is your first post. Edit or delete it and start blogging!

โพสท์ใน Uncategorized | 1 ความเห็น

วิธีคิดไม่ธรรมดา

อ่านจาก web board pantip ชอบมากๆ
 
วิธีคิดไม่ธรรมดา

ของ มาร์ติน วีลเลอร์

" คนไทยมีพระเจ้าอยู่หัว มีแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ มีศาสนาพุทธที่ดีมาก ทั้ง ๓ อย่างนี้ พยายามรักษาเอาไว้ให้ได้ "

นิยามความรวยกับความจน

   มันเป็นเรื่องแปลกนะที่ประเทศไทยคนยากจนมีหนี้สินเยอะ   ที่อังกฤษมีแต่คนรวยที่มีหนี้สิน   คนจนไม่มีหนี้เพราะเขาไม่ให้คนจนยืมเงิน   เนื่องจากกลัวจะไม่มีปัญญาใช้คืน จึงไม่มีสิทธิ์มีหนี้สิน   แต่คนรวยยืมเงินได้   คำว่ารวยกับคำว่าจน มันคืออะไรกันแน่

     ที่ขอนแก่นเขาว่าผมบ้าบ้าง   ฝรั่งยากจนบ้าง   ฝรั่งตกอับบ้าง ฝรั่งขี้นก ฝรั่งไม่มีเงิน แต่ผมบอกว่าไม่ใช่ ผมรวยนะ เขาถามว่ารวยได้ยังไง ผมบอกว่า

๑ . ผมมีบ้าน   ผมทำบ้านเล็ก ๆ เป็นกระท่อมน้อย ๆ เอาหญ้ามามุงหลังคา ชาวบ้านเรียกว่าเถียงนา ไม่ใช่บ้านหรอก ผมบอกว่าใช่ มันบ้านของผม ไม่ใช่บ้านเจ้านาย ราคาหนึ่งหมื่นสองพันบาท อยู่ได้ครับ มันกันแดด – กันฝนได้ แค่นั้นผมก็รวยแล้ว

๒ . มีที่ดินแค่   ๖ ไร่เท่านั้นเอง   ที่นั่นเขาบอกว่ากระจอกมีนิดเดียว แต่สำหรับฝรั่งมันเยอะมาก จริง ๆ ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญ   เป็นพื้นฐานของชีวิต   เราต้องมีที่อยู่อาศัยเป็นของเรา ไม่ใช่ของเจ้านาย เพราะว่าถ้ามันเป็นของเจ้านาย เราต้องไปหาเงินให้เขา   ถ้าเราไม่มีเงินเขาก็ไล่เราออก   เราไม่มีที่อยู่นะ   เพราะฉะนั้นต้องมีบ้านเป็นของตัวเองไว้ก่อน ซึ่งผมก็มีบ้าน คิดว่าลูกของผมจะต้องมีบ้านแน่ ๆ ด้วย

        เรื่องเกษตรผมทำไม่เก่ง   แต่ที่ทำได้ง่าย คือปลูกต้นไม้ ไม้ประดู่ ไม้สะเดา   ไม้ยาง   ปลูกไว้ให้ลูกสร้างบ้าน   ประเทศไทยอุดมสมบูรณ์ ต้นไม้โตเร็วมาก   แค่   ๒๕ – ๓๐ ปี ตัดได้แล้ว ไม่เหมือนอังกฤษ ๒๐๐ ปีได้เท่านี้เอง เพราะอากาศเย็น   เป็นเรื่องแปลกที่คนไทยจะบ่น โอ๊ย … มันร้อน ๆ ผมว่ากลับเป็นเรื่องดี แสงแดดเยอะจะทำการเกษตรได้ตลอดเวลา   ๑ ปี ทำได้ทุกวัน แต่คนไทยจะบ่นว่าร้อน ๆ ไม่เอา .. ไม่เอา .. อยากเป็นคนผิวขาวดีกว่า แต่คนอังกฤษเขาถือคนผิวขาวเป็นคนจน   เพราะว่าไม่มีปัญญาจะไปเมืองนอก ซึ่งกลับกันเลย   แม้แต่พ่อของผมเขาก็ยังมีเครื่องอาบแดดเพื่อให้ผิวเป็นสีแทน ให้ดูเป็นแบบคนมีสตางค์ แต่คนไทยกลับอยากมีผิวขาว

วิธีคิดไม่ธรรมดาของมาร์ติน วีลเลอร์

ผมมีลูก   ๓ คน ชาย ๒ หญิง ๑ สิ่งสำคัญที่สุด ๒ เรื่องในชีวิตของเรา คือ

๑ . ต้องมีบ้านเป็นของตัวเองให้ได้   จึงจะถือว่าชีวิตประสบความสำเร็จ
๒ . ต้องมีงานทำทุกวัน   ไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นงานอะไร แต่ขอให้มีงานทำทุกวัน   ชีวิตจึงจะไม่สูญเปล่า

     วิธีเดียวที่รับประกันได้ว่าลูกมีงานทำ คือการมีที่ทำกินให้เขา และเราต้องช่วยให้เขาทำเป็น ผมคิดว่าคนชนบทจริง ๆ   ใครมีที่ดินทำกินแล้วจะไม่ตกงาน   เว้นแต่คนขี้เกียจ ซึ่งบางคนมีที่ดินเยอะแต่ไม่ยอมทำ ถ้าเราสั่งสอนให้ลูกรู้จักทำมาหากินเขาก็ไม่ตกงาน

ผมถือว่างานที่อิสระและมีประโยชน์มากที่สุด คืองานเกษตร ซึ่งช่วยให้เรากินอิ่มทุกวัน   คนอังกฤษกินไม่อิ่มเยอะมากนะ   ผมไม่อยากให้ลูกของผมอดอาหาร   อยากให้ลูกกินอิ่มในลักษณะที่ส่งเสริมสุขภาพด้วย กินอาหารที่ไม่มีสารพิษ   กินอาหารแบบเรียบง่ายก็ได้แต่อิ่มทุกวัน เมื่อมีบ้าน มีงาน มีอาหาร   ลูกของผมก็จะรวยที่สุด … ฯลฯ

จุดอ่อน – จุดแข็งของคนไทย

    ผมคิดว่าคนไทยส่วนมากยังไม่เข้าใจระบบทุนนิยม   เห็นฝรั่งที่ไหนก็คิดว่ารวยหมด คิดว่าการพัฒนาในระบบทุนนิยมจะทำให้ทุกคนมีเงิน ไม่เข้าใจว่าประเทศที่พัฒนาระบบทุนนิยมนานแล้ว   เช่น   อังกฤษ , สหรัฐ มีปัญหาเยอะมาก แต่คนไทยก็คิดว่าเมืองนอกดีกว่า อันนี้จุดอ่อนครับ   คือคนไทยสนใจเมืองนอก   ไม่ได้สนใจประเทศไทย   ผมเป็นฝรั่ง คุณเลยนั่งฟังผม   ถ้าผมเป็นชาวบ้าน คุณจะไม่สนใจผม อันนี้เป็นจุดอ่อนนะ

แต่จุดแข็งคือ   ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แผ่นดินประเทศไทยอุดมสมบูรณ์มาก ๆ   มีดินเยอะมาก   น้ำเยอะมาก   แสงแดดเยอะมาก   ทำเกษตรอยู่รอดแน่   เป็นพลังแผ่นดิน ใคร ๆ ก็อยากได้ประเทศไทย ผมก็ได้ถึง ๖ ไร่

     คนไทยโชคดีมาก ๆ ที่ได้ในหลวงเป็นผู้นำ   พระองค์ท่านเป็นคนที่ทำงานหนักมากเพื่อช่วยให้คนคิดได้ ช่วยให้คนอยู่ได้   จะหากษัตริย์ในประเทศอื่นไม่ค่อยมีแบบนี้   ปัญหาคือคนไทยส่วนมากนับถือในหลวง   แต่ไม่ยอมปฏิบัติตามคำสอนของในหลวง พระองค์ท่านบอกมา   ๒๗   ปีถึงเศรษฐกิจพอเพียง แต่คนไทยก็ไม่รู้จักพอเพียง   เอาอย่างเดียว   ถึงยกมือไหว้ในหลวง แต่เวลาดำรงชีวิตไม่ได้ทำตามในหลวง   ก็ในหลวงบอกไว้แล้วว่า
ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นเสือ ขอให้มีอยู่มีกินไว้ก่อน

    ถ้าทุกคนเริ่มคิดจริง ๆ ถึงสิ่งที่ในหลวงพูด เราน่าจะช่วยให้ประเทศไทยอยู่ได้ เพราะความคิดของในหลวงเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงต้องอาศัยพลังแผ่นดิน   ทำได้เฉพาะประเทศไทยนะเศรษฐกิจพอเพียง ที่อื่นทำไม่ได้หรอกเพราะเขาไม่มีที่ดิน ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติเยอะเหมือนประเทศไทย

       พวกคุณโชคดีที่ได้แผ่นดินดี ๆ   ได้ผู้นำ ( ในหลวง ) ที่ดีด้วย และเรื่องที่ ๓ เรื่องศาสนา   ผมคิดว่า   ศาสนาพุทธมีความสำคัญมาก ๆ สำหรับคนไทย ไม่ใช่แค่นับถือไหว้พระ แค่นั้นไม่พอแต่อยู่ที่การปฏิบัติด้วยนะ มักน้อย สันโดษ พอเพียง   ธรรมะคือธรรมชาติ เป็นเรื่องง่าย ๆ   พึ่งตนเองก็ได้   ปรัชญาของศาสนาพุทธทำได้นะแต่คนไทยจำนวนน้อยที่เข้าใจ   จริง ๆ แล้วศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ออกแบบให้เหมาะสมสำหรับคนบ้านนอก ให้ใช้ชีวิตร่วมกับธรรมชาติโดยไม่ทำลาย   ไม่เอาเปรียบ แต่ให้เราเป็นส่วนหนึ่งของธรรมขาติ

อยากบอกอะไรคนไทย

        คุณโชคดีมาก ๆ ที่เกิดในประเทศไทยที่อุดมสมบูรณ์   ไม่ต้องไปรบกับใคร ไม่ต้องไปเอาน้ำมันจากใคร   ไม่ต้องไปเบียดเบียนคนอื่น ประเทศไทยอยู่ได้ กินอิ่ม   มีเหลือแจกด้วย อย่าไปคิดเรื่องเงินอะไรมาก   อย่าลดคุณค่าความเป็นไทยของตัวเองลง   คนไทยส่วนมากนิสัยดีจริง ๆ   คนไทยมีน้ำใจ หายากนะ

      คนไทยมีพระเจ้าอยู่หัว มีแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ มีศาสนาพุทธที่ดีมาก ทั้ง ๓ อย่างนี้ พยายามรักษาเอาไว้ให้ได้

ชีวิตที่ไม่ทะเยอทะยานเกินไป คือชีวิตที่มีคุณภาพ  

ชาวบ้านทุกคนทำได้ ผมเองถึงยังทำไม่สำเร็จแต่มั่นใจว่า จะทำได้แน่ในอนาคต ถ้าผมทำได้ คนอื่นก็คงทำได้ง่ายกว่าผมเยอะ   ทุกอย่างอยู่ที่เรา ถ้าเราไม่อยากได้อะไรมากเกินไปในชีวิต  
ชีวิตมันก็ง่าย พยายามทำให้ชีวิตมันง่ายขึ้นอย่าให้มันสับสน   อย่าให้มันลำบาก พยายามรักษาสิ่งแบบนี้ให้ดี   และอย่าเชื่อฝรั่งมากเกินไป 

 forward ครับ ไม่ได้เชื่อทั้งร้อย ดูแค่…

โพสท์ใน Uncategorized | ใส่ความเห็น

คาถาคนทำงาน

 
 

1. คาถาคนทำงาน
ขั้นแรก…ท่อง นะโม 3 จบ ก่อน แล้วจึงค่อยท่องคาถานะ

   อาจจะมี … เซ็งไปบ้าง…ในบางครั้ง
   อาจจะมีเบื่อกันบ้าง…. ในบางหน
   อาจจะมี …เหม็นขี้หน้า…กับบางคน   <====== อันนี้ โดน
   พยายามทน ทำงานไป เพราะได้ตังค์ <====== อันนี้โดนก่า


2. คาถาปล่อยวาง
    กูว่าแล้วในโลกนี้มีปัญหา
   เขาไม่ด่า ก็ชื่นชม หรือเฉยๆ
   สาม ประเภทที่ว่านี้มิเปลี่ยนเลย
   จงวางเฉยใครถือสาเป็นบ้าตาย

3. คำสอนของพระพุทธเจ้า
    อย่าไปนึกว่า  ‘คนอื่น‘  เหนือ   กว่าเรา เพราะทำให้เกิดปมด้อย
   อย่าไปนึกว่า  ‘คนอื่น‘  ต่ำ     กว่าเรา เพราะทำให้เกิดทิฐิ
   อย่าไปนึกว่า  ‘คนอื่น‘  เสมอ    เท่าเรา   เพราะทำให้เกิดการแข่งขัน ชิงดีชิงเด่น
   จงนึกเสมอว่าคนอื่นทุกคนเป็นเพื่อนรวมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมด

โพสท์ใน Uncategorized | ใส่ความเห็น

เขียนใจ

วันนี้ แวะ ไป ดู เวป trekkingthai 
เข้า ไป ดู กระทู้ ปาดยักษ์
 
แล้ว ติดใจ คำกลอน นี้    จน อดใจ ไม่ได้ ที่ นำมาเก็บ ไว้
 

เขียนฟ้า บอก "ป่า  สร้างเมฆ"

เขียนป่า "ฟ้า เสก   ฝนใส"

เขียนดิน "ชุ่ม น้ำ เขียวไพร"

เขียนใจ "รักฟ้า  ป่าดิน"

 

โพสท์ใน Uncategorized | ใส่ความเห็น

สูตรแห่งความสุข..ตำราชีวิตประจำวัน By สุทธิชัย หยุ่น

 

สูตรที่ว่านี้มีง่าย ๆ อย่างนี้
   
๑.   ดื่มน้ำให้มาก    
   
๒.   กินอาหารเช้าเหมือนราชา, รับประทานอาหารเที่ยงเหมือนเจ้าชายและเมื่อถึงอาหารเย็น,ให้วาดภาพว่าตัวเองเป็นแค่ขอทาน (แปลว่ากินมือหนักที่สุดตอนเช้า, และกลาง ๆ ตอนเที่ยงและตกเย็น แล้ว, ทำตัวเป็นยาจก, ไม่มีอะไรจะกิน…สุขภาพจะเป็นอย่างเทวดาทีเดียวเชียวแหละ) 
   
๓. กินอาหารที่โตบนต้นและบนดิน, พยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่ผลิตจากโรงงาน 
   
๔. ใช้ชีวิตบนหลักการ 3 E…นั่นคือ energy หรือพลังงาน, enthusiasm หรือกระตือตือร้น และ empathy คือเอาใจเขามาใส่ใจเราให้มาก ๆ 
   
๕.  หาเวลาทำสมาธิหรือสวดมนต์เสมอ 
   
๖.   เล่นเกมสนุก ๆ เสียบ้าง, อย่าเครียดกันนักเลย 
   
๗.  อ่านหนังสือให้มากขึ้น…ตั้งเป้าว่าปีนี้จะอ่านมากกว่าปีที่ผ่านมา 
   
๘.  นั่งเงียบ ๆ อยู่กับตัวเองสักวันละ 10 นาทีให้ได้ 
   
๙.   นอนวันละ 7 ชั่วโมง 
 
๑๐. เดินสักวันละ 10 ถึง 30 นาที, แล้วแต่จะสะดวก, ไม่ต้องเครียดกับมัน, วันไหนไม่ได้เดิน, ก็อย่าหงุดหงิดกับมัน 
 
๑๑. ระหว่างเดิน, อย่าลืมยิ้ม
   
นั่นเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสุขภาพกายและใจที่ผสมปนเปกันได้เสมอ, หากทำเป็นกิจวัตร, ชีวิตก็จะแจ่มใส,แต่อย่าทำให้ตัวเองเครียดด้วยการรู้สึกผิดถ้าหากวันไหนทำไม่ได้ตามที่วางกำหนดเวลาของตนเอาไว้ วันนี้ทำไม่ได้, พรุ่งนี้ทำก็ได้ แต่การไม่เอาจริงเอาจังกับตัวเอง เกินไปไม่ได้หมายถึงการผัดวันประกันพรุ่ง, ซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน
 
สูตรเกี่ยวกับบุคลิกของตัวเองที่ควรไปจะคู่กับสูตรสุขภาพมีอย่างนี้ครับ
   
๑.    อย่าเปรียบเทียบชีวิตของตัวเองกับคนอื่น คุณไม่รู้หรอกว่าคนที่คุณอิจฉานั้น เขามีความทุกข์ยิ่งกว่าคุณอย่างไรบ้าง 
    
๒.   อย่าคิดทางลบเกี่ยวกับเรื่องที่คุณควบคุมหรือกำหนดไม่ได้ แทนที่จะมองโลกในแง่ร้าย, ก็ทุ่มเทกำลังและพลังงานให้กับความคิดทางบวก ณ ปัจจุบันเสีย 
    
๓.    อย่าทำอะไรเกินกว่าที่ตัวเองทำได้…รู้ว่าขีดจำกัดของตัวเองอยู่ที่ไหน 
    
๔.    อย่าเอาจริงเอาจังกับตัวเองนัก เพราะคนอื่นเขาไม่ได้ซีเรียสกับคุณเท่าไหร่หรอก 
    
๕.    อย่าเสียเวลาและพลังงานอันมีค่าของคุณกับเรื่องหยุมหยิมหรือเรื่องซุบซิบนอกเสียจากว่ามันจะทำให้คุณผ่อนคลายได้อย่างจริงจัง 
    
๖.    จงฝันตอนตื่นมากกว่าตอนหลับ 
   
๗.    ความรู้สึกอิจฉาริษยาเป็นเรื่องเสียเวลาเปล่า ๆ ปลี้ ๆ…คิดให้ดีก็จะรู้ว่าคุณมี ทุกอย่างที่คุณจำเป็นต้องมีแล้ว 
    
๘.    ลืมเรื่องขัดแย้งในอดีตเสีย และอย่าได้เตือนสามีหรือภรรยาคุณเกี่ยวกับความผิด พลาดในอดีตของอีกฝ่ายหนึ่งเลย เพราะมันจะทำลายความสุขปัจจุบันของคุณ 
    
๙.    ชีวิตนี้สั้นเกินกว่าที่เราจะไปโกรธเกลียดใคร…จงอย่าเกลียดคนอื่น 
   
๑๐.    ประกาศสงบศึกกับอดีตให้สิ้น, จะได้ไม่ทำลายปัจจุบันของคุณ 
   
๑๑.   ไม่มีใครกำหนดความสุขของคุณได้นอกจากคุณเอง 
   
๑๒.   จงเข้าใจเสียว่าชีวิตก็คือโรงเรียน คุณมาเพื่อเรียนรู้ และปัญหาเป็นเพียงส่วนหนึ่ง ของหลักสูตร ซึ่งมาแล้วก็หายไป…เหมือนโจทย์วิชาพีชคณิต…แต่สิ่งที่คุณเรียนรู้นั้น อยู่กับคุณตลอดชีวิต 
   
๑๓.    จงยิ้มและหัวเราะมากขึ้น 
   
๑๔.    คุณไม่จำเป็นต้องชนะทุกครั้งที่ถกแถลงกับคนอื่นหรอก..บางครั้งก็ยอมรับว่าเรา เห็นแตกต่างกันได้…เห็นพ้องที่จะเห็นต่างก็ไม่เห็นเสียหายแต่อย่างไร

แล้วเราควรจะมีทัศนคติอย่างไรต่อชุมชนและคนรอบข้างเราล่ะ?
     
๑.      อย่าลืมโทรฯหาครอบครัวบ่อย ๆ
     
๒.    จงหาอะไรดี ๆ ให้คนอื่นทุกวัน
     
๓.     จงให้อภัยทุกคนสำหรับทุกอย่าง
     
๔.     จงหาเวลาอยู่กับคนอายุเกิน 70 และต่ำกว่า 6 ขวบ
     
๕.     พยายามทำให้อย่างน้อย 3 คนยิ้มได้ทุกวัน
     
๖.      คนอื่นเขาคิดอย่างไรกับคุณไม่ใช่เรื่องของคุณสักหน่อย
     
๗.     งานของคุณไม่ดูแลคุณตอนคุณป่วยหรอก แต่ครอบครัวและเพื่อนคุณ ต่างหากเล่าที่จะดูแลคุณในยามคุณมีปัญหาสุขภาพ ดังนั้น, อย่าได้ห่างเหินกับคน ใกล้ชิดเป็นอันขาด
 
และถ้าหากสามารถดำรงชีวิตให้มีความหมายได้, ก็ควรจะทำดังต่อไปนี้
     
๑.   ทำสิ่งที่ควรทำ
     
๒.   อะไรที่ไม่เป็นประโยชน์, ไม่สวย, ไม่น่ารื่นรมย์, จงทิ้งไปเสีย…เก็บไว้ทำไม?
     
๓.   เวลาและพระเจ้าย่อมรักษาแผลทุกอย่างได้
     
๔.  ไม่ว่าสถานการณ์จะดีหรือเลวปานใด, เดี๋ยวมันก็เปลี่ยน
     
๕.  ไม่ว่าคุณจะรู้สึกอย่างไรในตอนเช้าของทุกวัน, จงลุกจากเตียง, แต่งตัว และปรากฎตัวต่อหน้าคนที่เราร่วมงานด้วย…get up, dress up and show up.
     
๖.   สิ่งที่ดีที่สุดยังมาไม่ถึง
     
๗.   ถ้าคุณยังลุกขึ้นตอนเช้าได้, อย่าลืมขอบคุณพระเจ้า  หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุณนับถือเสียด้วย
     
๘.  เชื่อเถอะว่าส่วนลึก ๆ ในใจของคุณนั้นมีความสุขเสมอ…ดังนั้น, ส่วนนอกของคุณทุกข์โศกไปทำไมเล่า?

และสุดท้ายที่สำคัญที่สุด
ส่งบทความที่ดีต่อไปให้คนที่คุณรักและห่วงหาอาทรด้วย

โพสท์ใน Uncategorized | ใส่ความเห็น

หายใจให้เต็มปอด

จาก msn
ปอด อวัยวะสำคัญในทรวงอกทั้งสองข้าง ที่ แต่ที่หายใจเข้า-ออกกันอยู่ทุกวันนี้ เราใส่ลมหายใจเข้าไปในปอดเพียง 500 ซีซีต่อครั้ง หรือใช้ความสามารถของปอดไปแค่ร้อยละ 20 เท่านั้น

เมื่อเป็นเช่นนั้นก็แสดงว่ากายหายใจเข้าเพื่อนำออกซิเจนเข้าสู่ร่างกาย และหายใจออกเพื่อนำคาร์บอนไดออกไซด์และแก๊สที่ร่างกายไม่ต้องการทิ้งไปก็เกิดขึ้นแบบไม่เต็มประสิทธิภาพ ดังนั้นเราจึงควรฝึกการหายใจที่ถูกต้องเพื่อบริหารทางเดินหายใจ เพื่อปอดที่แข็งแรง ผ่อนคลายความตึงเครียด และบรรเทาอาการของโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจต่าง ๆ

เริ่มจากท่าที่ 1 นั่งในท่าสบาย กำมือขวา แล้วชูนิ้วหัวแม่มือและนิ้วก้อยออกมา ใช้นิ้วก้อยปิดรูจมูกซ้าย สูดหายใจเข้าทางรูจมูกขวาอย่างช้า ๆ จนอากาศเข้าไปเต็มปอด จากนั้นใช้นิ้วหัวแม่มือปิดรูจมูกขวา แล้วปล่อยนิ้วก้อยออกจากรูจมูกซ้าย หายใจออกทางรูจมูกซ้าย โดยเริ่มใหม่หายใจเข้าทางรูจมูกซ้ายช้า ๆ จนรู้สึกเต็มที่ แล้วใช้นิ้วก้อยปิดรูจมูกซ้าย ปล่อยนิ้วหัวแม่มือจากรูจมูกขวา หายใจออกทางรูจมูกขวา ทำซ้ำในลักษณะเดียวกันอย่างช้า ๆ นาน 3-5 นาที (ท่านี้เหมาะสำหรับคนที่เป็นโรคภูมิแพ้)

ต่อด้วยท่าที่ 2 นั่งในท่าสบาย หายใจเข้าช้า ๆ แล้วนับ 1-5 ก่อนกลั้นหายใจไว้นานเท่ากับนับ 1-10 และหายใจออกนับ 1-5 แล้วจึงพักนานเท่ากับนับ 1-5 แล้วเริ่มหายใจเข้าไปใหม่ ทำซ้ำในลักษณะเดียวกันนาน 3-5 นาที

จากนั้นเป็นท่าที่ 3 อยู่ในท่านั่งขัดสมาธิ ตัวตรง มือทั้งสองประสานไว้ด้านหลัง หายใจเข้าให้เต็มปอด พร้อม ๆ กับเอนไปทางด้านหลัง แล้วก้มตัวลงพร้อมหายใจออก ทำซ้ำในลักษณะเดียวกันนาน 3-5 นาที

สุดท้ายท่าที่ 4 นั่งในท่าสบาย สูดหายใจเข้าช้า ๆ จนท้องป่อง แล้วค่อยๆ หายใจออกช้า ๆ จนท้องแฟบ ทำซ้ำในลักษณะเดียวกันนาน 3-5 นาที

ที่สำคัญควรเปิดเพลงสบาย ๆ คลอระหว่างบริหารทางเดินหายใจ เพื่อสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย และช่วยกำหนดระยะเวลาของแต่ละท่า ( 1 เพลงนานเท่ากับ 1 ท่าบริหาร) แต่ไม่ควรทำอย่างเร่งรีบ เพราะอาจเกิดอาการหน้ามืดจนเป็นลมหมดสติ ส่วนสถานที่ที่เหมาะสมควรเป็นบริเวณใต้ต้นไม้ใหญ่ในสวน ในบรรยากาศอันร่มรื่น.

โพสท์ใน Uncategorized | ใส่ความเห็น

สาสน์จาก ท่าน Dalai Lama ที่ได้กล่าวไว้สำหรับปี 2009นี้

สาสน์จาก ท่าน   Dalai Lama     ที่ได้กล่าวไว้สำหรับปี   2009นี้                                                                 
                                                                                                                       
  คุณใช้เวลาในการอ่านและคิดตาม เพียง 2-3 นาทีเท่านั้น                                                                           
                                                                                                                       
  โปรดอย่าเก็บคำสอนนี้ไว้คนเดียว มิเช่นนั้นมนตราที่ส่งมานี้จะจากคุณไปภายใน 96 ชั่วโมง                                                     
                                                                                                                       
  แล้ว … คุณจะได้พบกับสิ่งประหลาดมหัศจรรย์ที่คุณจะยินดีมาก                                                                           
                                                                                                                       
                                                                                                                       
                                                                                                                       
  ข้อแนะนำในการดำเนินชีวิต                                                                                                 
                                                                                                                       
  1. ระลึกเสมอว่า การจะได้พบความรักและความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ก็ต้องประสบกับความเสี่ยงอันมหาศาลดุจกัน                                       
                                                                                                                       
  2. เมื่อคุณแพ้ อย่าลืมเก็บไว้เป็นบทเรียน                                                                                       
                                                                                                                       
  3. จงปฏิบัติตาม 3 Rs                                                                                                     
                                                                                                                       
         3.1 เคารพตนเอง (? Respect for self )                                                                           
                                                                                                                       
         3.2 เคารพผู้อื่น     (?. Respect for others )                                                                     
                                                                                                                       
         3.3 รับผิดชอบต่อการกระทำของตน (? Responsibility for all your actions )                                           
                                                                                                                       
  4. จงจำไว้ว่า การที่ไม่ทำตามใจปรารถนาของตนบางครั้งก็ให้โชคอย่างน่ามหัศจรรย์                                                       
                                                                                                                       
  5. จงเรียนรู้กฎ เพื่อจะทราบวิธีการฝ่าฝืนอย่างเหมาะสม                                                                           
                                                                                                                       
  6. จงอย่าปล่อยให้การทะเลาะเบาะแว้งด้วยเรื่องเพียงเล็กน้อย มาทำลายมิตรภาพอันยิ่งใหญ่ของคุณ                                             
                                                                                                                       
  7. เมื่อคุณรู้ว่าทำผิด จงอย่ารอช้าที่จะแก้ไข                                                                                     
                                                                                                                       
  8.   จงใช้เวลาในการอยู่ลำพังผู้เดียวในแต่ละวัน                                                                                 
                                                                                                                       
  9. จงอ้าแขนรับการเปลี่ยนแปลง     แต่อย่าปล่อยให้คุณค่าของคุณหลุดลอยจากไป                                                         
                                                                                                                       
  10. จงระลึกไว้ว่า บางครั้งความเงียบก็เป็นคำตอบที่ดีที่สุด                                                                           
                                                                                                                       
  11.   จงดำเนินชีวิตด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อที่ว่าเมื่อคุณสูงวัยขึ้นและคิดหวนกลับมาคุณจะสามารถมีความสุขกับสิ่งที่ได้ทำลงไปได้อีกครั้ง                 
                                                                                                                       
  12.   บรรยากาศอันอบอุ่นในครอบครัวเป็นพื้นฐานสำคัญของชีวิต                                                                       
                                                                                                                       
  13.   เมื่อเกิดขัดใจกับคนที่คุณรัก ให้หยุดไว้แค่เรื่องปัจจุบัน อย่าขุดคุ้ยเรื่องในอดีต                                                         
                                                                                                                       
  14. จงแบ่งปันความรู้ เพื่อเป็นหนทางก้าวสู่ความเป็นอมตะ                                                                           
                                                                                                                       
  15. จงสุภาพกับโลกใบนี้                                                                                                   
                                                                                                                       
  16. จงหาโอกาสท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่าง ๆ ที่คุณไม่เคยไป อย่างน้อยก็ปีละครั้ง                                                         
                                                                                                                       
  17.   จำไว้ว่า ความสัมพันธ์ที่ดีที่สุด คือความรักมิใช่ความใคร่                                                                       
                                                                                                                       
  18.   จงตัดสินความสำเร็จของตนด้วยสิ่งที่ต้องเสียสละ                                                                             
                                                                                                                       
  19. จงเข้าใกล้ความรักด้วยการปล่อยวาง                                                   
โพสท์ใน Uncategorized | ใส่ความเห็น

19 ways to refresh your eyes

จาก เหล่ง


1. ปรับช่องแอร์ในรถให้ต่ำลง อย่าให้ลมเย็นพ่นเข่าตาโดยตรง เพราะลมเย็นพวกนี้จะเป็นสาเหตุให้ตาแห้ง ถ้าปล่อยไว้นานๆ กระจกตาก็อาจจะถลอกจนกลายเป็นปัญหาเรื้อรังได้

2. บลูเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่ดีต่อสายตามากๆ และหาซื้อได้ไม่ยากเลย แค่ซื้อแยมบลูเบอร์รี่มาทาขนมปังทาน คุณก็จะได้รับสารอาหารแอนโธไซยาโนไซด์ ซึ่งช่วยบำรุงสายตาแล้ว

3. อย่ามองข้ามมันเทศ ของดีราคาย่อมเยาที่พ่อค้าเขาเดินขาย วิตามินในมันเทศจะช่วยปรับสายตาของคุณให้เห็นได้ชัดในที่มืด

4. เวลาทำกับข้าวอย่าลืมใส่หัวหอมแดงลงไปด้วย เพื่อให้สารต้านอนุมูลอิสระเคอร์ซิทินในหอมแดงจะช่วยป้องกันต้อหินให้คุณ

5. อย่าขี้เกียจเดิน เพราะผลการวิจัยบอกว่าเดินอย่างน้อยสัปดาห์ละ 4 ครั้งจะช่วยลดความดันในกระบอกตา ทำให้สายตาเป็นปกติ

6. กินปลาสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพื่อไม่ให้ร่างกายขาดโอเมก้า-3 ที่จำเป็นสำหรับบำรุงสายตา

7. ลดขนมหวานๆ และอาหารมันจัด อาหารพวกนี้เกิดมาเพื่อเป็นศัตรูกับสุขภาพ รวมทั้งสายตาของคุณด้วย

8. ก่อนออกจากบ้านอย่าลืมใส่แว่นกันแดดเสมอ เพื่อป้องกันทั้งลม แดด ฝุ่นละออง และเชื้อโรค ที่จะแท็คทีมกันมาทำร้ายสายตาที่รักของเรา

9. ตรวจวัดความดันโลติตเป็นประจำทุกเดือน ความดันที่ผิดปกติมีผลโดยตรงต่อสายตามาก จึงไม่ควรมองข้ามการวัดความดัน ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลจะได้รักษาได้ทันท่วงที

10. สวมหมวกปีกกว้าง แว่นกันแดดอย่างเดียวอาจจะสู้กับแดดแรงมหาร้อนอย่างบ้านเราไม่ไหว หมวกปีกกว้างจึงเป็นอุปกรณ์เสริมอีกอย่างที่ขาดไม่ได้ เพื่อป้องกันรังสียูวีที่อาจจะเล็ดลอดเข้ามาทางด้านบนของแว่นกันแดด

11. อย่าละเลยการทำความสะอาดดวงตาด้วยน้ำยาล้างเครื่องสำอางค์ทุกคืน เพื่อป้องกันไม่ให้มาสคาร่าที่อาจจะเหลือตกค้างอยู่เข้าไปหมักหมมอยู่ในดวงตาจนเกิดการติดเชื้อ

12. กินผักใบเขียวเป็นประจำทุกวัน ผักใบเขียวเป็นแหล่งรวมของสารลูเทอินและซีอาแซนธินที่ช่วยลดความเสี่ยงโรคต้อกระจกและยิ่งซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในกระบอกตาได้ด้วย (คนที่เกลียดผักคงต้องพยายามหน่อยน่ะ)

13. ผักบีตสดๆเป็นของขวัญชั้นดีที่จะมอบให้ดวงตาของตัวเองได้ ผักชนิดนี้มีสารต้านอนุมูลอิสระที่จะช่วยปกป้องหลอดเลือดในกระบอกตา ทำให้ตาคุณมีเลือดไปเลี้ยงอย่างสมบูรณ์ ทำให้ตาคุณสวยและใส

14. เลิกทานอาหารที่เค็มจัด เพราะคนที่ติดรสเค็มจะมีโอกาสเป็นโรคต้อกระจกมากกว่าคนที่ชอบอาหารรสจืด

15. หมั่นซักผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัวบ่อยๆ เพื่อให้ผ้าส่วนตัวของคุณสะอาด ปราศจากเชื้อโรค ทีสำคัญไม่ควรใช้ผ้าเช็ดหน้าร่วมกับใคร เพราะในผ้าพวกนั้นอาจจะมีเชื้อโรคตาแดงซ่อนอยู่

16. น้ำหอมกลิ่นมะลิ วนิลลา หรือเปปเปอร์มินต์ มีสรรพคุณช่วยกระตุ้นระบบลิมบิกในสมอง ซึ่งจะไปกระตุ้นเซลล์รูปแท่งในจอตาอีกต่อหนึ่ง ทำให้คุณมองเห็นในที่มืดได้ชัดขึ้น แค่หยดน้ำหอมกลิ่นใดกลิ่นหนึ่งไว้ที่แขนเสื้อ ก็จะมีสายตาดีขึ้นได้แล้ว ว้าว!! ง่ายจัง

17. อย่าเพ่งมองสิ่งใดสิ่งหนึ่งนานเกินไป แม้การอ่านหนังสือก็ควรถอนสายตามองออกไปที่ไกลๆทุกๆ 30 นาที เพื่อพักสายตาไม่ให้เพลียหรือล้าถาวร

18.กินผักโขมสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ผักชนิดนี้มีสารลูเทอิน ซึ่งจะช่วยป้องกันต้อกระจกและภาวะศูนย์กลางประสาท

19. เปลี่ยนมาสคาร่าขวดใหม่ทุกๆ 3 เดือน ทุกครั้งที่มาสคาร่าสัมผัสตาคุณ จะต้องมีความสกปรกเล็กๆน้อยๆ ติดมาด้วย เมื่อมาหมักหมมปนกันนานเกิน 3 เดือนขึ้นไป มาสคาร่าขวดโปรดของคุณก็จะกลายเป็นแหล่งรวมเชื้อโรคไปโดยปริยาย

โพสท์ใน Uncategorized | ใส่ความเห็น